น้ำชาเป็นเครื่องดื่มที่มีมาอย่างนานยาวกว่า 4,700 ปี การดื่มชาสามารถช่วยลดอาการกระหาย แก้อาการง่วงนอน และสามารถต้านโรคที่เกิดจากอนุมูลอิสระได้ และหากใครอยากรู้ว่าชามีคุณสมบัติดีๆ ด้านใดบ้าง เราจะมาแนะนำให้คุณได้ทราบกันค่ะ
ดื่มชาหลังอาหารช่วยย่อยได้ดีขึ้น
นอกจากนี้ หลังจากที่เรารับประทานอาหารไปแล้ว 2-3 ชั่วโมง คุณสามารถดื่มชาหลังอาหารเพื่อย่อยได้เช่นกัน โดยแนะนำให้ดื่มชาแก่เข้มข้น เพื่อกระตุ้นการหลั่งน้ำย่อยในกระเพาะอาหาร ซึ่งน้ำย่อยจะทำหน้าที่ย่อยพวกโปรตีน วิตามิน สำหรับผู้เป็นโรคกระเพาะอาหารและคนที่นิยมจิบน้ำชาแทนน้ำเปล่าบ่อยๆ ควรจิบชาแบบอ่อนๆ แทน เพราะการดื่มชาแก่แบบเข้มข้นจะยิ่งช่วยกระตุ้นให้น้ำย่อยออกมาทำงานมากขึ้นจนอาจทำให้คุณเกิดอาการปวดท้องและเกิดการระคายเคืองในกระเพาะอาหารได้
ดื่มชาป้องกันอาการหลงลืมได้
เชื่อไหมว่าการดื่มชาสามารถช่วยป้องกันอาการหลงลืมได้ เนื่องจากมีการศึกษาผลการวิจัยในผู้สูงอายุชาวญี่ปุ่นที่ดื่มชาเขียวอย่างน้อย 2 ถ้วยทุกวัน พบว่าอาการสูญเสียความทรงจำรวมถึงอาการหลงลืมพบได้น้อยกว่าคนในวัยเดียวกัน สาเหตุเนื่องจากกรดอะมิโนแอล-ธีอะนิน (L-theanine) อีกทั้งในใบชา ยังมีคุณสมบัติกระตุ้นคลื่นอัลฟ่าในสมอง ทำให้จิตใจรู้สึกสงบ ไม่ฟุ้งซ่าน มีสมาธิจดจ่อกับสิ่งที่ทำได้มากขึ้น ซึ่งกรดอะมิโนชนิดนี้จะพบมากที่สุดในใบชาเขียว
ดื่มชาอย่างไรให้ได้สุขภาพดี
อาจมีข้อข้องใจว่าการดื่มชาไม่ควรดื่มมากเกินไป เพราะอาจส่งผลไม่ดีต่อสุขภาพ ทั้งที่แท้จริงแล้ว เราสามารถดื่มชาได้มากถึง 4-9 ถ้วยต่อวันเลยทีเดียว ขอเพียงดื่มชาที่ไม่ใส่น้ำตาล เพราะนับว่าเป็นชาที่ดีต่อสุขภาพอย่างแท้จริง โดยอาจจะจิบชาแทนการดื่มน้ำเปล่าก็ยังได้ แต่ขอให้งดการดื่มชาหลังจาก 5 โมงเย็นไปแล้ว เนื่องจากฤทธิ์คาเฟอีนในน้ำชาจะไปกระตุ้นการตื่นตัวของสมองและส่งผลให้คุณนอนไม่หลับได้
ทราบประโยชน์ดีๆ จากการดื่มชาเช่นนี้แล้ว อย่าลืมไปไปปฏิบัติตามกันนะคะ รับรองว่าน้ำชาจะเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพได้อย่างแท้จริงแน่นอน
ประโยชน์ดีๆ ของชาที่ไม่ควรมองข้าม
No comments:
Post a Comment